วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

High-Level Data Link Control

HDLC

เป็น Protocols ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถสื่อสารได้ทั้งแบบHalf duplex แล Full duplex บนพื้นฐานของการเชื่อโยงแบบ Point-to-point และMultipoint หรือ Multidropมีวิธีการสื่อสาร 2 วิธี คือ NRMและ ABM

NRM (Normal response mode)

เป็นวิธีการสื่อสารที่ต้องมีPrimary station 1 สถานี ส่วน Secondary stationสามารถมีได้หลายสถานี

  • Primary station มีหน้าที่ในการส่ง Command ไปยังSecondary
  • Secondary จะทำหน้าที่ในการ Respond ต่อคำสั่งนั้น ๆ

NRM สามารถใช้ได้กับการเชื่อมโยงแบบ Point-to-point และMultipoint หรือ Multidrop

ARM (Asynchronous balanced mode)

จะใช้กับการเชื่อโยงอุปกรณ์แบบPoint-to-point โดยทุกสถานีจะทำหน้าที่เป็น Primary Station และ Secondary Stationในเวลาเดียวกัน

HDLC frame format
ประกอบไปด้วย 6 ฟิลด์

Flagเริ่มต้น จะมีทั้งหมด 8 บิต โดยจะมีรูปแบบเป็น01111110 ซึ่งบิตเหล่านี้จะหมายถึงการเริ่มต้นและสิ้นสุดของเฟรมแต่ละเฟรม

Adress ใช้ในการเก็บAdressของSecondary Station ขนาดจะขึ้นอยู่กับจำนวนจอง Secondary Station ภายในเครือข่าย

Control จะมีขนาด 1 หรือ 2 bytes ใช้สำหรับควบคุมอัตราการไหลและความผิดพลาดของการส่งข้อมูล

Information ใช้ในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ที่ส่งมาจากNetwork Layer หรือเก็บข้อมูลสำหรับการจัดการระบบ ขนาดของฟิลด์นี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของเครือข่ายว่าเป็นเครือข่ายแบบไหน

FCS ใช้เก็บกลุ่มของบิตสำหรับตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูล ซึ่งจะมีขนาด 2 หรือ 4 bytes ส่วนวิธีการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลนั้นจะใช้วิธีของ ITU-T CRC

HDLC frame types
ในการออกแบบเฟรมข้อมูลของHDLC นั้นจะต้องให้ยืดยุ่นกับวิธีการสื่อสารทั้งแบบ NSM และABM ดังนั้นจึงได้มีการกำหนดเฟรมขอ้มูลไว้ 3 ชนิด ซึ่งมีหน้าที่ต่างกันไป

  1. I-frame (information frame) ใช้รับข้อมูลมาจากNetwork Layer สามารถเพิ่มบิตสำหรับควบคุมอัตราการไหลของข้อมูลและตรวจสอบความผิดพลาดของการส่งข้อมูลได้ด้วย กลุ่มของบิตที่อยู่ในฟิลด์ควบคุมของ I-frame จะมีความหมายดังนี้
    -
    บิตแรกใน Control มีค่าเป็น "0" จะหมายความว่าเฟรมนี้เป็น I-frame
    - 3
    บิตถัดมาจะเรียกว่า N(S)จะเก็บหมายเลขลำดับของแต่ละเฟรม
    - 3
    บิตสุดท้าย
    N(R) ใช้กลุ่มบิตนี้เมื่อเป็น Piggybacking
  2. S-frame (supervisory frame) ควบคุมอัตราการไหลของข้อมูลและการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูล จะมีการใช้ S-frame เมื่อไม่มีการทำ Piggybacking ดังนั้นS-frame จึงเป็นเพียงAcknowledgementเท่านั้น
    - 2
    บิตแรก มีค่าเป็น "10"
    - 2
    บิตถัดมาบอกถึงประเภทของ S frame มี 4 ประเภท
  3. U-frame (unnumbered frame) ใช้สำหรับการบริหาร โดยฟิลด์ที่ใช้เก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารระบบเท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลของผู้ใช้U-frame เก็บ Code ของการควบคุมเอาไว้ 2 ส่วน คือ 2บิต หน้า บิต P/F และอีก 3 บิตหลังบิต P/F ดังนั้นจึงมีรหัสที่ใช้สำหรับควบคุมระบบได้ถึง 5บิต (32 รหัส)

PPP (Point-to-Point Protocol)

PPP เป็น Protocol ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้งานอินเทอร์เน็ตตามบ้าน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)ส่วนใหญ่จะเลิกใช้ Protocol นี้เป็นหลัก เช่น การติดต่อโดยใช้Modem ธรรมดา DSL Modem หรือ เคเบิลโมเด็ม

LCP (Link Control Protocol)
LCP
ทำหน้าที่สร้างการติดต่อระหว่างอุปกรณ์ การคงสภาพของการเชื่อต่อ และการยกเลิกการติดต่อ ภายใน LCP Packetประกอบด้วย

  • Code บอกถึงชนิดของ LCP Packet
  • ID คือ หมายเลขที่ใช้สำหรับการร้องขอและการตอบรับกลับ
  • Length บอกถึงขนาดของLCP Packet
  • Information บรรจุข้อมูลพิเศษเข้าไปใน Packet

PAP (Password Authentication Protocol) PAP Packet แบ่งออกเป็น 3ชนิดได้แก่

  • Authenticate-requestส่งชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน
  • Authenticate-ack การยอมรับชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านบอกว่าสามารถให้เข้าใช้ระบบได้
  • Authenticate-nak การปฏิเสธการเข้าใช้ระบบ

CHAP (Challenge Handshake Authentication Protocol)
CHAP จะเก็บรหัสผ่านเอาไว้ และไม่ส่งออกไปตามสายส่ง มีการทำงานดังนี้

  • ส่ง Challenge Packetประกอบไปด้วยค่าตัวเลขไม่มีbyte
  • ผู้ใช้จะใช้ฟังค์ชันในการคำนวณโดยการนำค่าตัวเลขที่ได้รับมารวมกับรหัสผ่านที่ตัวเองได้ตั้งเอาไว้ แล้วส่งผลที่ได้กลับไปให้กับระบบ โดยใช้Response Packet
  • เมื่อระบบได้รับ Response Packet แล้ว ใช้ฟังค์ชันคำนวณค่าตัวเลขที่ได้ส่งออกไปกับรหัสผ่านของผู้ใช้ (ซึ่งถูกเก็บอยู่ในระบบด้วย) แล้วนำมาเปรียบเทียบกับ Response Packet ถ้าเท่ากันก็เข้าระบบได้ ถ้าไม่เท่ากันก็ปฏิเสธการเข้าระบบ

CHAP Packet จะอยู่ในเฟรมข้อมูลของ PPP แบ่งออกเป็น 4ชนิด

  • Challenge ส่งค่าตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณให้กับผู้ใช้
  • Response ผู้ใช้ส่งผลการคำนวณมาให้กับระบบ
  • Success ระบบส่งไปบอกผู้ใช้ให้เข้าใช้งานระบบได้
  • Failure ระบบส่งไปบอกผู้ใช้ว่าไม่ใช้เข้าใช้งาน

IPCP (Internetwork Protocol Control Protocol)
IPCP
เป็น Protocol ที่ทำงานร่วมกับ Network Layer โดยนำข้อมูลจาก Network Layerมาใช่ในเฟรมข้อมู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น